หุ้น อเมริกา: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
12
Shares
Pin
ในตอนที่แล้วผมเคยได้รีวิววิธีการเปิดพอร์ตหุ้นต่างประเทศกับ SCB ในโพสนี้ผมจะมาพูดต่อถึงวิธีซื้อหุ้นต่างประเทศ ซึ่งขั้นตอนการเทรด ศัพท์เทคนิคต่างๆ ที่ใช้ รวมไปถึงการคิดภาษีของกำไรที่ได้จากการขายหุ้นจะต่างจากประเทศไทยพอสมควร และส่วนมากโบรคเกอร์มักไม่ค่อยมีคู่มือหรือเอกสารให้เราศึกษาเท่าไหรนัก วันนี้ผมได้รวมรวมเกร็ดการเทรดหุ้นในตลาดอเมริกามาเขียนเผื่อว่าจะเป็นประโยชน์ ลองติดตามอ่านได้ครับ
Table of Contents
Bid Ask และ Level 2 Data
ปกติหากเราเทรดตลาดไทย เราจะชินกับคำว่า Bid และ Offer แต่ตลาดอเมริกาเค้าเรียก Bid Ask สิ่งที่แตกต่างกันมากที่สุดคือ ตลาดไทยจะมีการแบ่งช่องราคาตามราคาของหุ้น เช่น หุ้นราคา 5 -10 บาท จะขยับราคาทีละ 0.05 บาท ส่วนหุ้นราคา 10-25 บาท ขยับครั้งละ 0.10 บาท แต่ตลาดอเมริกา เราสามารถตั้งซื้อขายได้อิสระที่ระดับ penny เสมอไม่ว่าหุ้นราคาจะเท่าไหร เช่นหุ้น Twitter ($TWTR) ราคา $32.50 เราจะตั้งซื้อ $32.01 หรือ $32.27 ก็ได้ เช่นเดียวกันกับหุ้น Google ($GOOG) ราคา $1350 เราสามารถตั้งซื้อที่ $1349.99 หรือ $1349.51 ก็ได้ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นจะทำให้มี spread เยอะ ทำให้มีโอกาสทำกำไรมากสำหรับพวก daytrader และ bot พวกฝรั่งเสียค่าคอมถูก หุ้นวิ่งแค่ไม่กี่ penny เค้าก็กำไรแล้ว ดังนั้นราคาจะวิ่งขึ้นลงไวมาก ถ้าเราจะเทรดกิน spread สู้กับเค้า เราไม่มีทาง key คำสั่งทันเลยนอกจากจะเขียน bot ไปสู้
*หากใครเคยอ่านหนังสือ Flash Boy ของ Michael Lewis เค้าเล่าขนาด trader บางคนต้องไปวาง server ใกล้ๆ ตลาดหุ้น เพื่อให้คำสั่งตัวเองไปถึงก่อนด้วยซ้ำ เทรดกันที่ระดับเสี้ยววินาที (การเทรดแบบนี้เรียกว่า HFT หรือ High Frequency Trading)
อีกเรื่องหนึ่งที่เราอาจจะเซ็งซักหน่อยก็คือ เราจะมองเห็น Bid Ask แค่ช่องเดียว แต่ตลาดไทยเห็น 5 ช่องสำหรับรายย่อย
นอกจากนี้ข้อมูลราคาหุ้นจะยังเป็นแบบ Delay 15 นาทีด้วย -*- ถ้าเราดูที่ภาพข้างบน จะเห็นคำว่า Level II Data subscription required ซึ่งก็คือเราต้องจ่ายค่า fee เพื่อเพิ่มในการดูนั่นเอง สำหรับผมลงทุนยาวอยู่แล้วเลยไม่ค่อยมีปัญหา เวลาจะซื้อหุ้นก็เปิด Yahoo Finance หรือเว็บ NASDAQ โดยตรงเพื่อดูราคาหุ้น realtime
ตลาดเปิดกี่โมง
อเมริกาจะมีช่วงเดือนที่เรียกว่า Daylight Saving Time จะมีการปรับเวลาให้เร็วขึ้น 1 ชั่วโมง ทำให้มี 2 ช่วงเวลา
ช่วงเดือน March – November ตลาดเปิด 2 ทุ่มครึ่ง ถึง ตี3
ช่วงเดือน December – February ตลาดเปิด 3 ทุ่มครึ่ง ถึง ตี4
ช่วงเวลา Daylight saving จะเปลี่ยนไปในแต่ละปี ต้องไปดูปฏิทินของเค้าเอง หรือดูใน Google ก็ได้
ค่าคอมในการเทรด
อย่างที่เคยกล่าวไว้ในบทความที่แล้วตอนเปิดพอร์ตว่าค่าคอมของตลาดอเมริกาส่วนใหญ่จะคิดเป็นราคาตายตัว “ต่อหุ้น” ทำให้ซื้อเยอะๆ แล้วคุ้มกว่า (ยกเว้นบางโบรคที่ยังคิดเป็น % ของมูลค่าเทรด) เช่นโบรค SCBS ที่ผมใช้งานอยู่จะคิดราคา 8 cps (cent per share) ดังนั้นไม่ว่าผมจะซื้อหุ้น Tesla ที่ราคา $420 หรือ Google ที่ราคา $1350 จำนวน 100 หุ้น ก็จะต้องเสียค่าคอม $0.08 x 100 = $8 เท่ากันอยู่ดี
อย่างไรก็ตาม ที่คำนวณได้ไม่ถึงขั้นต่ำ ($30) ที่โบรคกำหนด ทำให้สุดท้ายเมื่อรวม VAT กับค่าธรรมเนียมยิบย่อยอีก ค่าคอมสุดท้ายต่อคำสั่งจะอยู่ที่ประมาณ $32 ค่าคอมจะมากกว่านี้เมื่อคุณเทรดมากกว่า 400 หุ้นขึ้นไป
Limit, Market และ Stop
คำสั่ง Trade หลักในตลาดอเมริกาจะมี 3 แบบคือ Limit, Market และ Stop
Limit คือเหมือนคำสั่งที่เราเทรดในตลาดไทยเป๊ะๆ เลย คือระบุราคาที่จะซื้อจะขาย ถ้ามี Bid Ask ที่ตรงกันหรือดีกว่าก็จะ Match ให้เลย
Market คือสั่งเคาะราคาตลาดทันที เหมือนกับคำสั่ง MP ในตลาดไทย
Stop คือการสั่งเคาะราคาตลาด เมื่อราคาหุ้นวิ่งไปถึงจุดที่เราตั้งไว้ เช่น สั่ง stop ที่ $100 แปลว่าเมื่อราคาหุ้นมาแตะที่ $100 ให้ส่งคำสั่ง Market ไปตามจำนวนหุ้นที่เรากำหนด
นอกจากนี้ยังมีคำสั่งแบบเงื่อนไขที่เรียกว่า Take Profit/Stop Loss คือให้ซื้อหรือขายเมื่อถึงจุดราคาที่กำหนด (คล้ายๆ กับการตั้งคำสั่ง Condition ในตลาดไทย)
Duration
เวลาส่งคำสั่งเทรดของตลาดอเมริกาเราจะต้องระบุ Duration ซึ่งให้เลือกหลากหลายมาก เช่น
G.T.C. ย่อมาจาก Good ‘Till Cancel แปลว่าคำสั่งจะค้างอยู่อย่างนั้นจนกว่าเราจะ Cancel ถ้ามันไม่ match มันก็จะข้ามวัน ข้ามคืน ข้ามอาทิตย์ไปเรื่อยๆ จนถึงจำนวนวันที่โบรคตั้งไว้ (30-90 วัน) ถึงจะยกเลิกเอง ต้องระวังถ้าเราตั้ง GTC ทิ้งไว้แล้วลืม cancel อาจจะไป match วันอื่นๆ ที่เราไม่ต้องการได้
Day Order คือเหมือนของไทย คำสั่งหมดอายุ (expired) เมื่อตลาดปิด แนะนำให้ใช้อันนี้เสมอจะปลอดภัยกันลืม
ที่เหลือก็จะเป็นพวก One Day, One Week, One Month, End of Week, etc. อันนี้แล้วแต่ความชอบเลย แต่ส่วนตัวไม่เคยใช้
Buy/Sell กับ Long/Short ???
สำหรับ Buy กับ Long จริงๆ มันคล้ายๆ กัน ต่างกันเล็กน้อยในความหมาย Buy แปลว่าซื้อ แต่ Long แปลว่าเป็นเจ้าของหุ้นหรือมีหุ้นตัวนั้นๆ อยู่ ดังนั้นเวลาส่งคำสั่งซื้อเรามักจะพูดว่า I’m buying $TSLA (ฉันซื้อหุ้น Tesla) ส่วนเวลาบอกว่าเราถือหุ้นตัวนี้อยู่นะ เราจะพูดว่า I’m longing $TSLA เป็นต้น (แต่ใช้แทนกันก็ไม่ผิด)
ส่วน Short กับ Sell นี่จะแตกต่างกันหน่อย โดย Sell แปลว่าการขาย ส่วน Short (หรือ short selling) คือการยืมหุ้นมาขาย เราไม่มีหุ้น แต่ยืมหุ้นมาขายก่อน แล้วค่อยซื้อคืนให้ทีหลัง เป็นการเก็งกำไรหุ้นขาลง ดังนั้นถ้าเราถือหุ้น แล้วเราขายทิ้ง เราจะบอกว่า I’m selling จะไม่บอกว่า I’m shorting
เวลาพูดถึงหุ้นตัวใดตัวหนึ่งในพอร์ตของเรา (เรียกว่า position) เรามักจะใช้คำว่า Long หรือ Short ในการอธิบาย เช่น I have long position in $TSLA (ผมถือหุ้น Tesla) หรือ I have a short position in $TWTR (ผม short หุ้น Twitter อยู่)
ภาษี
คนอเมริกาต้องเสียภาษีจากการขายหุ้น (Capital Gain) อย่างไรก็ตามหากขาดทุน คนอเมริกันก็สามารถเอาไปหักภาษีได้ ก็ถือว่า Fair ดี คนไทยโชคดีที่เมื่อเทรดในตลาดไทย กำไรจาก Capital Gain นั้นไม่ต้องเสียภาษี แต่เมื่อเราไปเทรดในอเมริกา กฏก็จะเปลี่ยนไป กำไรจากการขายหุ้นและการปันผล เราไม่ต้องเสียภาษีของอเมริกาก็จริง (ยกเว้นปีนั้นคุณอยู่อเมริกาเกิน 180 วัน) จะต้องถูกนำมาคิดภาษีในไทย (คิดรวมในรายรับตอนยื่น ภงด ของเราด้วย) แต่จะคิดก็ต่อเมื่อขายแล้วโอนเงินกลับมาไทยเท่านั้น ถ้าขายแล้วแช่ไว้ในพอร์ตก็ยังไม่ต้องนำมาคำนวณภาษี
การคิดภาษีก็คือเอาส่วนของกำไรที่เราโอนกลับมาไทย มารวมในส่วนรายรับของเรา จากนั้นคำนวณไปตามขั้นบันไดภาษี (ยกเว้นกรณีเทรดในนามนิติบุคคล อันนั้นอีกเรื่อง)
รู้สึกดีใจที่ได้บำรุงประเทศชาติ และเชื่อว่ารัฐบาลจะนำภาษีของเราไปพัฒนาประเทศทุกบาททุกสตางค์อย่างแท้จริง (ประชด)
อย่างไรก็ตาม ถ้าเราขายหุ้นแล้วมีกำไร แต่ถ้าไม่ถอนเงินกลับภายในปีนั้นแล้วปล่อยยาวข้ามปี ในทางบัญชีจะถือว่าเข้าปีภาษีใหม่ ทำให้กำไรส่วนนั้นไม่ต้องนำมาคิดภาษีอีก เช่น ในปี 2019 คุณซื้อหุ้น Intel ไว้แล้วมีกำไร $1000 จากนั้นขายทั้งหมด แล้วโอนเงินกลับไทยในปีเดียวกัน เท่ากับว่าคุณต้องเอา $1000 หรือประมาณ 30000 บาท ไปรวมในรายรับของคุณตอนคิดภาษีด้วย แต่ถ้าคุณขายในปี 2019 แล้วโอนเงินกลับเข้าไทยในปี 2020 จะถือว่ากำไรที่เกิดขึ้น อยู่ในปีภาษี 2019 ไม่ต้องนำมาคิดในปีภาษี 2020 อีก
ยังไงก็ตามอย่าลืมว่า การซื้อขายหุ้นรวมไปถึงการทิ้งเงินไว้ในพอร์ตข้ามปี ย่อมมีความเสี่ยงจากค่าเงินที่เปลี่ยนไป ยิ่งช่วงปี 2019-2020 เป็นปีที่เงินบาทแข็งค่ามาก การถือเงินไว้นานๆ โดยไม่ลงทุน นอกจากจะเสียโอกาสแล้ว อาจทำให้เราขาดทุนได้ อันนี้ต้องลองพิจารณาดูเองนะครับ
ศัพท์เทคนิคอื่นๆ
Square/ Closed เมื่อเราขายหุ้นที่มีอยู่ทิ้งไปหมด หรือ short หุ้นไว้แล้วซื้อหุ้นจนครบ เค้าจะเรียกว่า square position หรือ flat position หรือ closed position
Exposure แปลว่า มูลค่าของ position ที่เรามีอยู่ เช่นถ้าคนถามว่า “What’s your exposure in your $FB long position” ก็คือ คุณถือหุ้น Facebook อยู่มูลค่าเท่าไหร เราก็ตอบจำนวนเงินไป
Instrument ประเภทของการลงทุน เช่น EQ (Equity) คือหุ้น ETF คือกองทุน ETF
Symbol ชื่อของ Instrument นั้นๆ เช่น หุ้นของ Google มี Symbol คือ $GOOG และเป็น instrument แบบ EQ
หากเนื้อหาตรงไหนไม่ถูกต้อง รบกวนบอกกันทาง Page ได้นะครับจะได้แก้ไขให้เป็นประโยชน์ต่อคนอ่านต่อๆ ไป 🙂
อย่าลืมติดตามบทความจากบล็อกนี้จากได้ทาง Facebook Page บล็อกนายช่าง และกด Like กด Share เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมมีแรงทำบล็อกนี้ต่อไปด้วยนะครับ
12
Shares
Pin
[Update] วิธีเล่นหุ้นสำหรับมือใหม่แบบละเอียดในปี 2021 | หุ้น อเมริกา – POLLICELEE
1. ทำความรู้จักกับ ‘หุ้น’
ก่อนอื่นเราคงต้องมาทำความรู้จักกับ หุ้น กันก่อนว่าสินทรัพย์ตัวนี้คืออะไร มีประโยชน์ต่อผู้ถืออย่างไร และเราจะสามารถซื้อขายหุ้นได้ที่ไหนบ้าง
หุ้น (Stock) หรือที่ในหลายครั้งเราเรียกกันว่า หลักทรัพย์ คือ ตราสารที่บริษัทออกให้แก่ ผู้ถือหุ้น (Shareholder) เพื่อแสดงสิทธิใน ความเป็นเจ้าของกิจการนั้น ๆ ตามสัดส่วนการเป็นเจ้าของ ซึ่งหมายถึงการมีสิทธิใน สินทรัพย์ของกิจการ ตามสัดส่วนการถือหุ้น รวมถึงมีสิทธิที่จะได้ ส่วนแบ่งจากผลกำไร ของกิจการที่จ่ายออกมาในรูปแบบ เงินปันผล ตามสัดส่วนการถือหุ้นด้วย
ในทางกลับกันบริษัทก็จะได้ประโยชน์จากเงินที่ระดมได้จากการขายหุ้นไปใช้ในกิจการโดยไม่มีภาระผูกพันจากการเป็นหนี้ เช่น ภาระดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายให้แก่เจ้าหนี้ในอนาคต เป็นต้น
การซื้อขายหุ้นในลักษณะที่เจ้าของกิจการเสนอขายให้กับนักลงทุนเป็นครั้งแรกหรือที่เรียกว่าเป็นการระดมทุนครั้งแรก (IPO) จะทำขึ้นในตลาดแรก (Primary Market) เพียงครั้งเดียว หลังจากนั้นการซื้อขายเปลี่ยนมือหุ้นจะเกิดขึ้นในตลาดรอง (Secondary Market) ต่อไป
ตลาดหุ้น (Stock Market) หรือ ตลาดหลักทรัพย์ ที่เรารู้จักกันว่าเป็นตัวกลางในการซื้อขายหุ้นนั้นมีความแตกต่างจากตลาดซื้อขายสินค้าทั่วไปหลายอย่าง อย่างแรก ตลาดหุ้นมีลักษณะเป็นตลาดรอง (Secondary Market) ที่เป็นตัวกลางซื้อขายแลกเปลี่ยนระหว่างผู้ถือหุ้นทั่วไปที่ตกลงซื้อขายแลกเปลี่ยนกันเองในราคาที่ต้องการ และอย่างที่สองคือไม่มีสถานที่ที่เป็นจุดนัดพบที่แน่ชัด แต่การซื้อขายจะเกิดขึ้นด้วยระบบประมูล (Auction) ผ่านเครือข่ายตัวแทนนายหน้าซื้อขายเท่านั้น
สำหรับประเทศไทย มีตลาดหลักทรัพย์ที่ชื่อว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ SET (The Stock Exchange of Thailand) และ ตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ มีชื่อย่อว่า MAI (Market for Alternative Investment) สำหรับต่างประเทศก็จะมีตลาดหุ้นเป็นของตัวเอง เช่น ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (New York Stock Exchange: NYSE) และตลาดแนสแด็ก (Nasdaq Stock Exchange: NASDAQ) เป็นตลาดหลักทรัพย์ของอเมริกา
เมื่อพูดถึงการเล่นหุ้น นักลงทุนส่วนใหญ่มักคิดถึงการเทรดหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นหลัก เพราะประกอบด้วยหุ้นและกิจการที่คุ้นเคย สามารถค้นหาข้อมูลและตรวจสอบกิจการได้ง่าย แต่การเล่นหุ้นในปัจจุบันนักลงทุนไม่จำเป็นต้องผูกมัดตัวเองไว้เฉพาะกับการลงทุนในประเทศ ด้วยเทคโนโลยีที่เข้ามาอำนวยความสะดวกทั้งการชำระราคา การส่งคำสั่งซื้อขาย การค้นหาข้อมูล ล้วนทำให้การซื้อหุ้นต่างประเทศในปัจจุบันมีขั้นตอนที่สะดวกขึ้น และช่วยเปิดโอกาสในการลงทุนให้กว้างขึ้นได้ เช่น การลงทุนในหุ้น facebook, google ที่มีตลาดกว้างและอัตราการเติบโตสูง ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้นแล้วก็ยังสามารถช่วยกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุนได้อีกด้วย
หุ้นสหรัฐที่ดีที่สุด ณ เดือนตุลาคม 2021
สัญลักษณ์
ชื่อบริษัท
ความผันผวนของราคา
MRNA
Ford Motor Co.
+217.90%
COP
Conocophillips
+79.37%
F
Moderna Inc.
+62.57%
OXY
Occidental Petroleum Corp.
+89.31%
EOG
EOG Resources Inc.
+76.87%
รีวิวหุ้นอเมริกาประจำไตรมาส Ep.2 ควรลงทุนหรือไม่? หุ้นถูก-แพง หุ้นปันผล
ลงทุนหุ้นอเมริกา หุ้น รีวิวหุ้น
สมัครเปิด \”บัญชีลงทุนหุ้นอเมริกา\” ฟรีที่นี่! ลิงค์ด้านล่าง \”M1 Finance\” (USA)
💲 https://m1.finance/ZI7zF0dmeXcN
ใช้ Reference Link นี้เปิดพอร์ตหุ้นอเมริกาได้เลยครับ
(ผู้เปิดต้องมี Social Security Number มีสัญชาติอเมริกัน)
💲 วิธีเปิดพอร์ตหุ้นทีละขั้นตอน \”Step By Step\”
https://www.youtube.com/watch?v=ckuVWp182ek
🔹 ทำพอร์ตหุ้น เงิน $100,000!!!
https://bit.ly/36DM0oh
🔹 ออมหุ้น 2 ปี ได้ปันผลเท่าไหร่? ออมถูกที่ สบายตลอดชีพ!
https://bit.ly/3kxXTVh
🔹 11 หุ้น ซื้ออะไรดี? โอกาสลงทุนออมหุ้น
https://bit.ly/3wBptTD
🔹 ลงทุนแบบไหนดี \”สายเทรด\” หรือ \”สายออมยาว\”?
https://bit.ly/3zWhJOW
🔹 วิธีทำกำไร 100%!! S\u0026P 500 ระยะยาวยังไม่เคยทำให้ใครขาดทุน!
https://bit.ly/3jcMHwA
🔹 อยากเกษียณ แต่\”ทำไม่ได้!\” เมื่อไหร่จะหลุดพ้น!
https://bit.ly/3j7f0MO
🔹 พลังดอกเบี้ยทบต้น สร้าง \”สุดยอดกระแสเงินสด!\”
https://bit.ly/2SqLzud
🔹 ครบ1ปี พลิกวิกฤตโควิดเป็นโอกาส จากพอร์ต 43% กลับเป็น +60%!
https://bit.ly/3653qu1
🔹 \”Roth IRA\” สุดยอดเครื่องมือเพื่อการเกษีรณ โดยไม่เสียภาษีเลย
https://bit.ly/3qoYg5a
🔹 \”รู้ทันภาษีหุ้นอเมริกา!\” รู้ คือ \”รวย!\” ไม่รู้ คือ \”ซวย!\”
https://bit.ly/3vWEH5x
🔹 \”เปิดพอร์ตหุ้นให้ลูก\” สร้างความมั่งคั่งในอนาคตสู่พอร์ตล้าน$ที่เป็นไปได้!
https://bit.ly/3zUn3SZ
🔹 ทำยังไงให้กำไร \”ชนะตลาดหุ้นอเมริกา\” BEAT The Stock Market!
https://bit.ly/3B4aLIe
🔹 เคล็ดลับเพิ่มจำนวนหุ้นที่สัดส่วนน้อย ด้วย \”Ex Dividend Date\”
https://bit.ly/2UHYQzg
📍 Facebook: https://bit.ly/3vT6d3S
📍IG : https://bit.ly/3y57Xsn
=====================================
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม
ทดลองย้ายประเทศทั้งครอบครัว EP.4 นิวยอร์กแย่กว่าที่คิด เกลียดสุดๆ
ใครอยากย้ายมาอยู่นิวยอร์กต้องดูคลิปนี้
Facebook fanpage : https://www.facebook.com/allbyonoum/
IG : https://www.instagram.com/allbyonoum/
ติดต่องานได้ที่ คุณต้อง 0926382844
แค่ 100,000 ก็ลงทุนต่างประเทศ ผลตอบแทนคาดหวัง 4-8% ความเสี่ยงต่ำได้ กับกองทุนส่วนบุคคล Global ETF
Global ETF คือ กองทุนส่วนบุคคลสำหรับทุกคนที่ต้องการลงทุนระยะยาวแบบกระจายความเสี่ยงทั่วโลก ทุกอุตสาหกรรม บริหารจัดการอัตโนมัติด้วยเทคโนโลยี เริ่มต้นลงทุนเพียง 100,000 บาท พร้อมสร้างผลตอบแทนคาดหวังเฉลี่ย 48% ต่อปี ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Jitta Wealth เพื่อเปิดบัญชีที่นี่ https://bit.ly/2EcJaw7
Jitta Wealth ยึดมั่นในหลักการลงทุนที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าให้ผลตอบแทนยั่งยืนในระยะยาว และ Global ETF ก็นำทฤษฎีรางวัลโนเบล Modern Portfolio Theory มาประยุกต์ให้เป็นระบบลงทุนอัตโนมัติ เพื่อให้ทุกคนมีพอร์ตลงทุนต่างประเทศที่สร้างผลตอบแทนได้ตามคาดหวังในความผันผวนที่ต่ำที่สุด
แผนการลงทุนของ Global ETF จะแบ่งออกเป็น 3 แผนใหญ่ๆ ได้แก่ แผนเติบโต แผนสมดุล แผนพอเพียง แต่ละแผนจะให้ผลตอบแทนและระดับความเสี่ยงแตกต่างกัน นักลงทุนสามารถเลือกแผนที่เหมาะกับตนเองที่สุดเพื่อลงทุนได้
โดยหัวใจของการบริหารจัดการแบบ Global ETF มี 4 ข้อ นั่นคือ
1) ลงทุนในสินทรัพย์ที่ดี ได้แก่ หุ้นและพันธบัตร
2) เลือก ETF เป็นตัวแทนสินทรัพย์ทั้งสอง
3) จัดสัดส่วนสินทรัพย์ทั้งสองให้สร้างผลตอบแทนสูงที่สุดในความเสี่ยงต่ำที่สุด
4) ดูแลปรับพอร์ตแบบอัตโนมัติ
Global ETF ไม่คิดค่าธรรมเนียมตามกำไร (performance fee) มีเพียงค่าธรรมเนียมบริหารจัดการ 0.5% ต่อปี และค่าใช้จ่ายตามจริงที่เรียกเก็บโดยผู้ให้บริการ เช่น โบรกเกอร์ ผู้รักษาสินทรัพย์ เป็นต้น
ดูข้อมูลกองทุนส่วนบุคคล Global ETF เพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3iL3q78
อย่าลืม! กด SUBSCRIBE เพื่ออัปเดตความรู้การลงทุนแนวเน้นคุณค่าแบบ passive จาก Jitta
และติดตามข่าวสารจากเราได้อีกหลากหลายช่องทาง
► สนใจลงทุน Jitta Wealth: https://bit.ly/2UxsWTI
► ศึกษาการลงทุนช่วงวิกฤต: https://bit.ly/3bCHpTP
► ค้นหาหุ้นดีราคาถูกที่ Jitta: https://www.jitta.com
► ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Jitta: http://bit.ly/2R9EIBI
► FB Jitta: https://www.facebook.com/jitta.th
► FB Jitta Wealth: https://www.facebook.com/jittawealth
► FB Passive Way: https://www.facebook.com/investpassiveway
► Twitter: https://twitter.com/jittaworld
Jitta เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีบริหารจัดการความมั่งคั่งระยะยาวหรือ WealthTech ของไทย ที่ได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุนทั่วโลก มีเป้าหมายหลักคือ ปลดล็อกความรู้ เครื่องมือ และบริการทางการเงินที่มีคุณภาพ ให้บุคคลทั่วไปเข้าถึงเพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินในชีวิตตามหลักการที่ถูกต้องได้อย่างเท่าเทียมกัน ผ่าน 2 บริการหลัก ได้แก่ แพลตฟอร์ม Jitta ที่ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานและมูลค่าของธุรกิจ เพื่อช่วยนักลงทุนค้นหา “บริษัทที่ยอดเยี่ยม ในราคาที่เหมาะสม” ตามแนวทาง ลงทุนแบบเน้นคุณค่า (value investing) ของวอร์เรน บัฟเฟตต์ และกองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth ที่บริหารจัดการเงินให้นักลงทุนด้วยเทคโนโลยีอัตโนมัติ ตามหลักการลงทุนที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก ดำเนินการโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด สตาร์ทอัพแรกของไทยที่ได้รับใบอนุญาตจากสำนักงานก.ล.ต. ให้บริหารจัดการกองทุนส่วนบุคคลตามกฎหมาย
อย่าเพิ่งเล่นหุ้นถ้ายังไม่ได้ฟังคลิปนี้ สิ่งที่ควรรู้ก่อนจะลงทุนในตลาดหุ้น
แชร์ประสบการณ์สิ่งที่คุณควรจะรู้ ก่อนจะเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น โลกไม่ได้สวยหรู คุณต้องเตรียมพร้อมจะเจอกับความผิดหวังเช่นกัน
ตลาดหุ้นไม่ใช่โรงทาน ทุกคนเข้ามาล้วนจะมาเอาเงินทั้งนั้น ความรู้จึงสำคัญมาก อยากได้เงิน แต่ไม่ทุ่มเทจะรอดได้ไง
ลงทุนเริ่มแรก ใช้เงินน้อยๆ ก็ได้ เพื่อศึกษา จับจังหวะ รู้จักขาดทุน เก็บประสบการณ์ก่อน คนที่ลงทุนเกินตัวมักจะเจ๊งเป็นส่วนใหญ่
หุ้นทุกตัว มีคนทำราคา (เจ้ามือ) หุ้นที่เจ้ามือเลิกเล่น ต่อให้ทิ้งไว้กี่ปี ก็ไม่มีทางหลุดดอย
เวลาหุ้นลง มันลงเร็วและน่ากลัวกว่าที่คุณคิด การคัทลอส จึงสำคัญมาก เพื่อเก็บเงินต้นเอาไว้ อย่าทนขาดทุน ให้ทนกำไร
ตลาดหุ้นมันจะมีข่าวตลอดเวลา เล่นตามข่าว ส่วนใหญ่จะเจ๊ง
คุณไม่มีทางที่จะซื้อได้ราคาต่ำสุด และขายราคาสูงสุด หุ้นต่ำแล้ว ยังมีต่ำกว่า ตราบใดที่หุ้นยังไม่กลับตัว
ไม่มีใครหวังดีกับคุณในตลาดหุ้นหรอก แม้แต่โบรกที่เชียร์ซื้อขาย เค้าทำไปก็ได้ค่าคอม
อย่าลอกแบบคนอื่น แต่ให้ศึกษาแล้วนำมาปรับเป็นแนวทางของเรา เราทนขาดทุนรับความเสี่ยงได้ไม่เท่าคนอื่น
การอยู่รอดได้ในตลาดหุ้น นอกจากความรู้แล้ว จิตใจก็สำคัญไม่แพ้กัน
ตอนขึ้นอย่าหลง ตอนลงอย่าท้อ
Mommy Challenge ปั้นหุ่นแซบ ใน 2 สัปดาห์ ที่อเมริกา
ลูกก็ต้องเลี้ยง หุ่นก็ต้องแซ่บบบ!
ท้าทายตัวเองสุดๆ กับภารกิจที่จะต้องปั้นหุ่นใน 2 สัปดาห์ค่ะ
👉🏻 Colla whey เวย์น้ำใส รสพีช ได้ทั้งโปรตีนเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ได้ทั้งคอลลาเจน 5000mg บำรุงผิว ครบจบในซองเดียว
Line : @tmtprosport
facebook : tmtprosport.th
www.tmtprosport.com
Facebook fanpage : https://www.facebook.com/allbyonoum/
IG : https://www.instagram.com/allbyonoum/
ติดต่องานได้ที่ คุณต้อง 0926382844
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่General news
ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ หุ้น อเมริกา